22 Jan January 22, 2015 by atcreative in Blog, e-Commerce News การตลาดออนไลน์ในปี 2015 ยังคงมาแรงแน่นอนจากงบประมาณสื่อโฆษณาร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น มีการวิเคราะห์จาก Rapid advance ว่าอะไรบ้างที่ช่วยให้ค้าปลีกไปได้ดีในปี 2015 โดยแยกออกเป็น Mobile, Content, Social, Search โดยสรุปได้ดังนี้ 61% ของผู้ค้าปลีกเชื่อว่า มือถือเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ยอดขายเติบโตขึ้น ดังนั้น websites และ Email ควรจะมีขนาดเหมาะสมกับหน้าจอมือถือ (Responsive design) และการพัฒนา Mobile app จะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย เราควรจะต้องคำนึงถึงอุปกรณ์ที่กลุ่มเป้าหมายใช้เป็นหลัก จะทำให้เราสามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 60% ของลูกค้าใช้ Online content ในการทำความคุ้นเคยกับสินค้า ดังนั้นการเขียนบทความที่มี Content เกี่ยวข้องกับตลาด นั้นจะสามารถให้ลูกค้าคุ้นเคยกับสินค้าและอาจจะกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้น สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์ว่า Content ที่เราใช้เหมาะสมหรือไม่ ประสบความสำเร็จหรือไม่ ควรจะต้องวิเคราะห์ Content โดย Google Analytics จะช่วยปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมได้ เราควรจะวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายๆทาง เช่นถ้าเราใช้ Facebook Page เราควรจะวิเคราะห์จาก Facebook Insight ด้วย เราควรจะรู้จักคนที่ติดตามเราและปรับ Content ให้เหมาะสม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ คือการวิเคราะห์สถิติต่างๆ เป็นการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคโดยข้อมูลจาก Google Analytics หรือ Facebook Insight 68% ของผู้ค้าปลีกลงทุนกับกลยุทธ์ต่างๆทาง Social media โดยเน้นไปที่โฆษณาทาง Facebook ด้วยการเลือกกลุ่มเป้าหมายตามความเหมาะสม หรือทาง Pinterest อย่างไรก็ตาม ปี 2015 โฆษณาทาง Social media จะมีทางเลือกมากขึ้น เช่น Twitters และ Application อื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกสื่อโฆษณาได้มีประสิทธิภาพมาขึ้น 71% ของร้านค้าขายสินค้าออนไลน์พยายามที่จะมีตัวตนในโลกออนไลน์ ใน Search engine เช่น Google ดังนั้นควรทำความเข้าใจกับ Google algorithm ให้มากขึ้นเพื่อที่จะช่วยให้อันดับใน Google ดีขึ้น อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการปรับปรุง keywords หรือ SEO แล้วต้องไม่ลืมที่จะพัฒนา Content ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด สำหรับร้านค้าปลีกรายย่อย หรือ SMEs ส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้ดูแล Website หรือ Facebook Page เอง ดังนั้นผู้ประกอบการควรที่จะพูดคุยรายละเอียดเรื่องสินค้าและบริการ รวมถึงตลาดและ Trends ต่างๆเป็นประจำ เนื่องจากผู้ดูแลอาจจะไม่ทราบละเอียดเท่ากับผู้ประกอบการเอง รวมถึงขอข้อมูลสถิติจาก Google Analytics หรือ Facebook Insight จากผู้ดูแล Website หรือ Facebook Page เพื่อที่จะวิเคราะห์ประชากรศาสตร์ พฤติกรรม ความสนใจ และอื่นๆ แล้วนำมาปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสม