25 Jan January 25, 2016 by atcreative in Blog, e-Commerce News เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าผลกระทบของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบัน ทั้งสภาพอากาศที่เลวร้ายผิดฤดูกาล ความรุนแรงของภัยแล้งและน้ำท่วมที่มากขึ้น มีสาเหตุหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผู้บริโภคทั่วโลกได้ปรับตัวหันมาใส่ใจในการเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือสินค้าสีเขียว (Green Products and Services) มากขึ้น สำหรับในโลกออนไลน์กระแสกรีนอีคอมเมิร์ชเริ่มมาแรงเช่นเดียวกัน เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง amazon.com รุกตลาดสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าแรกๆตั้งแต่ปี 2550 โดยเปิดหน้าเว็บเฉพาะชื่อว่า Amazon Green รวบรวมและขายสินค้าที่ได้รับการรับรองประเด็นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น สินค้าอินทรีย์ สินค้าที่รีไซเคิลได้ สินค้าที่ประหยัดพลังงาน สินค้าที่ประหยัดน้ำ โดยมีหมวดสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์ ของใช้สำหรับเด็ก หนังสือและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ของขวัญ ของแต่งบ้าน สินค้ากีฬา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลคำแนะนำสำหรับผู้บริโภคเพื่อให้เห็นความสำคัญ สร้างความรู้ความเข้าใจ และเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคมายังสินค้าสีเขียวมากขึ้น ผลการสำรวจในเดือนเมษายน 2554 พบข้อมูลที่น่าตื่นเต้นมากกว่า ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเว็บไซต์ amazon.com มากขึ้น โดยบางพื้นที่มีผู้ซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าสินค้าปกติ ซึ่งเป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าโลกออนไลน์พร้อมต่อการปรับตัวสู่กระแสกรีนอีคอมเมิร์ช ร้านค้าต่างๆจึงนิยมใช้เว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์ในการทำยอดขายให้เพิ่มขึ้น ในฝั่งเอเชีย การประชุม เอเปคอีคอมเมิร์ช (APEC e-Commerce Business Alliance & Analysys International) เดือนมีนาคม 2554 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ได้มีการหยิบประเด็นด้านการส่งเสริมอีคอมเมิร์ชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาพูดคุยในวงกว้าง จึงมีบริษัทที่รับทำเว็บไซต์ e-commerce,รับทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ เพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโอกาสทางการตลาดของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ชไทย ยังเปิดกว้างทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะภายในประเทศมีความต้องการมหาศาลจากภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ รายงานจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 กำหนดให้ในปี 2554หน่วยงานภาครัฐระดับกรมทั้งหมด จำนวน 170 หน่วยงาน ต้องเข้าร่วมดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมูลค่าการจัดซื้อสูงหลายหมื่นล้านบาทในแต่ละปี จึงทำให้ร้านค้าต่างๆหันมาทําเว็บขายของกันมากขึ้น ในฝั่งของผู้บริโภคไม่เพียงแต่การเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่การ “ช๊อปออนไลน์” ยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย ผลการสำรวจของ Interactive Media in Retail Group (IMRG) พบว่า ผู้บริโภคในประเทศอังกฤษประมาณ 73% ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นกว่าปีก่อนถึง 25% คิดว่าการซื้อสินค้าออนไลน์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าซื้อสินค้าที่ร้านค้า เหตุผลหลักก็คือการซื้อสินค้าออนไลน์คือสะดวกและไม่ต้องเดินทางนั่นเอง วันนี้ ทั่วโลกพร้อมสู่กระแส “กรีนอีคอมเมิร์ช” แล้วคุณและเมืองไทย.. พร้อมหรือยังที่จะทำเว็บไซต์ e-commerce เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและเพิ่มยอดขายสินค้าให้คุณเอง ที่มา : http://www.marketingoops.com/news/ecommerce/green-2/