1 Oct October 1, 2019 by atcreative in Blog, e-Commerce News อีกหนึ่งเรื่องราวจากการร่วมทริปกับทาง JD.com เพื่อเยี่ยมชมสำนักงาน JD ที่กรุงปักกิ่ง นอกจากจะได้สัมผัสนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ของ JD แล้ว ยังได้ทราบอีกด้วยว่า JD ได้ก้าวเข้าสู่ นวัตกรรมทางการเงิน (Fintech) และ e-Banking Solution ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ผสมผสานทั้ง AI, IoT, Big Data, OS, edge computing, ชิปประมวลผลต่างๆ และเครือข่าย 5G เข้าด้วยกัน อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในจีน ในต่างประเทศ และที่สำคัญวันนี้พร้อมแล้วสำหรับประเทศไทย และ E-Lending ยังเป็นอีกหนึ่งบริการที่ประสบความสำเร็จของ JD.com มากกว่าอีคอมเมิร์ซ JD.com กับ E-Lending บริการสินเชื่อผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ และการบริหารความเสี่ยง E-Lending หนึ่งในเทรนด์ด้านนวัตกรรมทางการเงินของโลก E-Lending หรือ บริการสินเชื่อผ่านช่องทางทำเว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์ กำลังเป็นที่สนใจในกลุ่มธนาคาร และผู้ให้บริการด้านการเงินผ่านระบบดิจทัล สำหรบ JD.com ซึ่งในจีน JD ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงิน (FinTech) ที่ให้บริการ E-Lending มาระยะหนึ่งจนประสบความสำเร็จแล้ว โดยให้ “บริการปล่อยสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มทำเว็บไซต์ e-commerceที่แข็งแกร่งของ JD.com” โดยให้สินเชื่อระยะเวลาสั้น เช่น 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ผ่านการวิเคราะห์การทำงานของดาต้า พฤติกรรม และการซื้อสินค้าบน JD.com จนสร้างรายได้จากการปล่อยสินเชื่อนี้แล้วถึง 100 ล้านหยวน หรือประมาณ 430 ล้านบาท เรียกได้ว่าสมาชิกที่เป็นลูกค้าของ JD.com ในวันนี้ ได้ใช้บริการผ่อนชำระสินค้า และกู้เงินผ่านทาง JD.com กันแล้ว การปล่อยสินเชื่อย่อมมาพร้อมความเสี่ยง การวิเคราะห์ข้อมูลในโลกเว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งการฉ้อโกง เนื่องจากในสถานการณ์จริง มีลูกค้าจำนวนมากที่ไม่ใช้ชื่อจริงหรือการยืนยันตัวตนจริง (เช่น เลขบัตรประชาชน) มาผูกกับบัญชีที่ใช้งานในโลกเว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์ โดยทาง JD ได้พบว่ามีบัญชีที่ใช้ข้อมูลปลอม สร้างขึ้นมาสำหรับการฉ้อโกงโดยเฉพาะ ราว 1.5 ล้านบัญชี และที่ผ่านมายังสามารถจับกุมผู้กระทำผิดที่พยายามฉ้อโกงผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้วมากกว่า 500 ราย ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงถือเป็นเรื่องที่ทาง JD ให้ความสำคัญอันดับต้นๆ และการบริหารความเสี่ยงนี้ยังคงต้องรักษาประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีเยี่ยมเช่นเดิม JD.com กับการบริหารความเสี่ยง และการปล่อยสินเชื่อ (JDD Digital Risk Management) ในเมื่อ JD Digits ไม่ได้ทำธุรกิจในฐานะธนาคาร และไม่ได้มองว่าตัวเองจะเป็นธนาคารในอนาคต การบริหารความเสี่ยงนี้ JD จึงยังคงต้องทำงานร่วมกับสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาระบบสำหรับบริหารจัดการสินทรัพย์และสินเชื่อโดยละเอียด ตรวจสอบประวัติ เครดิต ภาระ การใช้จ่าย และการชำระหนี้ของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนปล่อยสินเชื่อ และหลังปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการร่วมกันบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างผลกำไร ซึ่งปัจจุบันระบบบริหารจัดการนี้มีสินทรัพย์รวมมูลค่าถึง 100,000 ล้านหยวนในระบบ (ประมาณ 430,000 ล้านบาท) ผ่านสมาชิกของ JD.com กว่า 600 ล้านสมาชิก แต่แค่นั้นยังไม่พอ JD Digits หรือ JDD บริษัทนวัตกรรมของ JD.com ยังได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้กับระบบบริหารจัดการสินทรัพย์แบบทำเว็บไซต์ ขายของนี้ เพื่อรับมือกับรูปแบบของข้อมูลที่แตกต่างไปจากระบบเดิมๆ ทั้งยังทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านการจัดเก็บข้อมูล เพื่อเสริมการเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลต่างๆ ให้ลงตัว ปลอดภัย และได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนขึ้นสู่เวอร์ชั่นที่ 10 แล้ว โดยสามารถเฝ้าสังเกตและวิเคราะห์ตัวแปรต่างๆ ในการจัดการความเสี่ยงได้ถึง 1.5 ล้านตัวแปร ปัจจุบัน JD.com สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างดี โดยมีระดับ NPL หรือหนี้คงค้าง ต่ำกว่า 0.1% JD Risk management บริหารความเสี่ยง JD.com ความท้าทายและความเสี่ยงที่ทาง JD.com ต้องเผชิญ การบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อระดับไมโครไฟแนนซ์เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากสินเชื่อประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ และมีลูกค้าจำนวนมากที่มีสภาพคล่องไม่เพียงพอหรือเหมาะสมต่อการยื่นขอสินเชื่อใดๆ เพิ่มเติม ระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงแบบเดิมๆ ยังไม่สามารถปรับตัวมารองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ได้ จึงทำให้ทุกฝ่ายต้องลงทุนพัฒนามาตรการใหม่ๆ มารับมือ โดยมีเทคโนโลยีของ JD Digits เป็นองค์ประกอบสำคัญ “JD Intelligent Voice” หรือระบบ “ยืนยันตัวตน” และ “การทวงหนี้อัตโนมัติ” ผ่านเทคโนโลยี AI JD Intelligent Voice สามารถติดต่อลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อ เพื่อขอให้ยืนยันตัวตนตามข้อมูลที่ให้ไว้กับระบบ และแจ้งยืนยันเจตจำนงค์ในการยื่นขอสินเชื่อดังกล่าว ซึ่งระบบ AI นี้จะติดต่อไปยังลูกค้าในเวลาเพียง 5-7 นาที หลังเกิดการยื่นขอสินเชื่อ และยังมีความอัจฉริยะในการทวงหนี้ได้อีกด้วย ซึ่งทาง JD ได้สาธิตให้ชม ถึงเป็นการใช้ AI ทวงหนี้ผ่านทางโทรศัพท์ ให้ดู โดยระบบ AI นี้ จะโทรศัพท์ถึงลูกค้า เพื่อแจ้งยอดค้างชำระ และเตือนใช้ชำระเงิน หากลูกค้าอ้างว่ายังไม่สามารถชำระได้ เจ้า AI นี้ก็จะแจ้งถึงบอกเบี้ยที่อาจจะเกิดขึ้น หากพ้นกำหนดชำระเงินด้วยเช่นกัน มีคำถามระหว่างการสาธิตว่า หากลูกค้าเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ล่ะ หรือให้โทรศัพท์ที่ให้ไม่มีอยู่แล้ว ทาง JD จะทำอย่างไร? ในกรณีที่หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของลูกค้าไม่ตรงกับหมายเลขที่บันทึกไว้ในบัญชีผู้ใช้ หรือมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ JD Digits จะประสานงานกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ เช่นฐานข้อมูลหลักจากฝั่งอีคอมเมิร์ซของ JD.com หรือหากจำเป็น ก็อาจต้องขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลจากบริษัทโทรคมนาคม เพื่อตรวจสอบหาเบอร์โทรศัพท์ของลูกหนี้ และติดตามทวงหนี้ต่อไป สรุปในภาพรวม คือ JD.com มีบริการให้สินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ JD.com ผ่านการบริหารความเสี่ยงที่ทาง JD ให้ความสำคัญ และทำได้อย่างดี ซึ่งพันธมิตรธุรกิจข้ามชาติสามารถนำนวัตกรรมนี้ไปให้บริการในสถาบันการเงินของตน ซึ่ง JD Digits มีแผนที่จะขยายระบบนี้เข้าสู่ด้านอื่นๆ ในอุตสาหกรรมการเงินธนาคารให้กว้างขวางขึ้นในอนาคต ที่มา.https://www.marketingoops.com