จริงเหรอนี่ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังสดใส eBay กลับมาทำตลาดอีกครั้ง

จริงเหรอนี่ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังสดใส eBay กลับมาทำตลาดอีกครั้ง
30
Jul

eBay ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มทำเว็บไซต์ ecommerce

ที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2538 แล้ว แต่ส่วนใหญ่คนจะติดภาพการแลกเปลี่ยนสินค้าเว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์และแบบประมูลกันมากกว่า เพราะมีโอกาสได้ของแท้ในราคาถูกกว่า แต่ eBay เอง ก็ได้เพิ่มโอกาสในการใช้งานแพลตฟอร์มของตนเองด้วยการให้ผู้ใช้งานเลือกซื้อสินค้าจากเจ้าของธุรกิจตรงเลยก็ได้ หรือจะประมูลก็ได้เพราะเสน่ห์ของอีเบย์ยังคงเป็นเรื่องของการประมูลแข่งกันมากกว่า

ทาง Thumbsup ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวอัปเดตแผนธุรกิจอีเบย์ ประเทศไทย 2562 พบว่า พฤติกรรมการใช้งาน Ebay นั้น มีการซื้อขายทันทีแบบ ราคาตายตัว 89% ซื้อสินค้าใหม่ 79% มูลค่ายอดขายในปี 2018 อยู่ที่ 95,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรายได้จากการซื้อขายนอกประเทศสหรัฐกว่า 60% แบ่งเป็น ประเทศผู้ซื้อกว่า 190 ประเทศทั่วโลก จำนวนผู้ซื้อ 180 ล้านราย

นางเจนนี หุย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเบย์ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน กล่าวว่า มูลค่าตลาดที่รับทําเว็บ e-commerceในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2017 มีมูลค่าเม็ดเงินอยู่ที่ 10.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาในปี 2018 พุ่งขึ้นกว่า 114% คิดเป็นมูลค่าถึง 23.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าในปี 2025 จะพุ่งขึ้นเป็น 102 พันล้านเหรียญสหรัฐ ได้ไม่ยาก

ทางด้านของตัวเลขในประเทศไทยนั้น บอกได้แค่ว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตเป็นท็อป 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Ebay slide

นอกจากนี้ การรุกตลาดทําเว็บ e-commerceในภูมิภาคนี้อีกครั้ง เป็นเพราะเห็นโอกาสจากการใช้งานแพลตฟอร์มของอีเบย์ไม่สูง และคนไทยเริ่มปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลได้ดีขึ้นมาก ดังนั้น จึงเชื่อว่าการทำตลาดในจังหวะนี้จะเป็นโอกาสที่ดีในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและผู้ขายได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม อีเบย์ไม่ได้กังวลในเรื่องของการแข่งขันกับผู้เล่นแพลตฟอร์มรายอื่นๆ เพราะอีเบย์มีคุณลักษณะเฉพาะที่ผู้ซื้อคุ้นเคยอยู่แล้ว นั่นคือ การประมูลและการซื้อสินค้า โดยการเข้ามาทำตลาดเรื่องแพลตฟอร์มของอีเบย์ให้มากขึ้นนั้น เป็นเพราะอีเบย์เห็นว่ายังมีผู้ขายสินค้าในไทยอีกมากที่ไม่ได้คุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม แต่ต้องการขายสินค้าไปยังต่างประเทศ ซึ่งอีเบย์หวังว่าจะมีเจ้าของธุรกิจให้ความสนใจที่มากขึ้น

ปัจจัยที่อีเบย์จะเติบโตในภูมิภาคนี้

โอกาสที่อีเบย์จะสามารถครองใจผู้ขายได้นั้น มาจากเหตุผล 3 ข้อ คือ

1. สินค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่เจ้าของธุรกิจให้ความสนใจ

2. ระบบแพลตฟอร์มของอีเบย์ มีโครงสร้างการให้บริการที่ดี เหมาะกับทั้งผู้ขายที่ต้องการสื่อสารกับผู้ซื้อ และง่ายกับผู้ซื้อในการค้นหาสิ่งของที่ต้องการผ่านระบบของอีเบย์

3. ราคาสินค้าที่แข่งขันกันผ่านระบบของอีเบย์ อยู่ในมาตรฐานที่เหมาะสม หากมีการปั่นราคาหรือตั้งราคาเกินความสามารถของผู้ซื้อทางระบบจะพิจารณาปรับให้เหมาะสม

นอกจากนี้ ประเทศไทยก็มีสินค้าและบริการที่มีคุณลักษณะพิเศษ ที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากมาย แต่ทางอีเบย์ยังไม่ได้เจาะลึกถึงประเภทสินค้าได้เช่นเดียวกับในประเทศอื่นๆ เช่น เหรียญหรือการ์ด เป็นสินค้าที่คนเอเชียให้ความสนใจมาก หรือกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ของเล่นแนว Anime และเสื้อผ้าแนวโลลิต้าจากญี่ปุ่น ได้รับความนิยมมาก

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งและจุดอ่อนของผู้ขายชาวไทย ที่ทำให้อีเบย์ต้องเข้ามาช่วยเหลือนั้น ประกอบด้วย

  • ทักษะเรื่องภาษา ทำให้การอธิบายสินค้ายาก อีเบย์จึงมี ระบบแปลภาษาอัตโนมัติให้แก่ร้านค้า
  • ส่วนจุดแข็งสำคัญคือ ไทยมีสินค้าที่โดดเด่นและเป็นที่ต้องการมาก

สินค้าขายดีจากไทยสู่ตลาดโลก

 สินค้าไทยสู่อเมริกามากที่สุด

โดยสินค้ายอดฮิต 5 กลุ่มหลักที่ผู้ขายอีเบย์คนไทยนิยมส่งออก คือ จิวเวลรี่ (อัญมณี เครื่องประดับเพชรพลอย) สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม สินค้าตกแต่งบ้าน ของสะสม และชิ้นส่วนยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มจิวเวลรี่ที่มีความต้องการซื้อสูงจากลูกค้าทั่วโลก โดยสินค้ากว่าร้อยละ 50 ของผู้ขายอีเบย์คนไทยส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกามากที่สุด ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เยอรมนี และรัสเซีย

อีเบย์มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจให้แก่ผู้ขายไทยในทุกขนาด ด้วยโครงการและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีแผนการดำเนินงานระยะ 2-3 ปี ได้แก่

  • โครงการฝึกอบรมผู้ขายเพื่อปั้นทักษะการค้าปลีกออนไลน์ ที่มีหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่นทำเว็บไซต์ ขายของ
  • โครงการ “eBay Boot Camp” ซึ่งเป็นการติวเข้ม 3 เดือน เน้นการเสริมทักษะค้าปลีกออนไลน์ให้ผู้ขายสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะขายบนอีเบย์มานานเท่าใด โดยมีการจัดขึ้นต่อเนื่องมาแล้วถึง 2 ปี และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ขายไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมเวิร์กชอปแบบเอ็กซ์คลูซีฟทั้งในกรุงเทพ และจังหวัดใหญ่ ๆ เช่น เชียงใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะให้ผู้ขายสามารถเพิ่มยอดขายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ อีเบย์มีแผนที่จะจัดกิจกรรมใหญ่ “eBay Seller Summit” เพื่อฉลองครบรอบ 24 ปี ของอีเบย์ในเดือนกันยายนนี้
  • โค้ชการทำธุรกิจโดยทีมที่ปรึกษาจากอีเบย์ (Business Coaching by Account Managers) เน้นในการช่วยวางแผนธุรกิจ เสริมจุดแข็ง แก้ไขจุดอ่อน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ขายมืออาชีพสามารถต่อยอดธุรกิจบนอีเบย์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสู้ศึกกับผู้ขายนานาชาติในการค้าปลีกส่งออกได้อย่างไม่เป็นรองใคร
  • สนับสนุนการทำธุรกิจด้วยการใช้โปรแกรมไอที (IT automation)  ใช้แอปพลิเคชั่นช่วยจัดการร้านค้าอีเบย์สโตร์ (eBay Stores) และช่วยบริหารงานทั้งหน้าร้านและหลังร้าน รวมถึงบริหารสินค้าคงคลัง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ

o   สร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีโดยเชื่อมต่อ API กับบริษัทโลจิกติกส์ชั้นนำ ได้แก่ ไปรษณีย์ไทย ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ  ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ด้วยโปรแกรมชิปปิ้ง “อีเบย์ ซีพาส” (eBay SEAPaSS) แพลตฟอร์มการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจร ซึ่งได้เปิดให้บริการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่กลางปี 2561โดยมีผู้ใช้งานมากมายในเมืองใหญ่ ๆ ทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับประเทศไทยมีผู้ใช้งานโปรแกรมชิปปิ้ง “อีเบย์ ซีพาส” ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ประมาณร้อยละ 70 ส่วนผู้ใช้งานอีกร้อยละ 20 กระจายตัวอยู่ในเชียงใหม่และภาคเหนือ และอีกร้อยละ 10 อยู่ในภาคตะวันตก ภาคใต้ และภาคอีสาน

o   จับมือกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ไทย ในการร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชั่นช่วยบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อรองรับการบริหารจัดการร้าน โดยเน้นให้ผู้ขายสามารถสร้างรายการสินค้าบนอีเบย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารออเดอร์สินค้าสำหรับหลายร้าน การบริหารสต็อกสินค้าและจัดการขนส่งโลจิสติกส์แบบค้าปลีกออนไลน์ข้ามประเทศ รวมไปจนถึงการบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์ ดูแลลูกค้าในต่างประเทศด้วยมาตรฐานที่ดี

o  โครงการพัฒนาธุรกิจ ได้เน้นไปที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์เป็นหลักในรูปแบบกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนาโครงการ

อย่างไรก็ตาม อีเบย์เข้ามาสอนผู้ขายผ่านระบบ Bootcamp ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว โดยพัฒนาผู้ขายไปได้กว่า 200 ราย โดยเราตั้งเป้าพัฒนาผู้ขายปีละ 100 ราย ซึ่งกลุ่มที่ได้รับการคัดเลือกเหล่านี้ จะพิจารณาจากจุดอ่อนของธุรกิจว่าคืออะไร เช่น บัญชีสุขภาพดีหรือไม่ ยอดขายหรือการทำตลาด โดยผู้ที่ผ่านการอบรมจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 1 เท่า หากสามารถทำได้ครบ 7 ข้อ จะทำยอดขายได้เกิน 3 เท่า ซึ่งการเทรนนิ่งเหล่านี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการอบรม และการันตีว่าช่วยเรื่องยอดขายให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา.www.thumbsup.in.th