1 Apr April 1, 2015 by atcreative in Blog, e-Commerce News แรกเริ่มไอเดีย ภูวดล ทองถาวร อดีตซีเนียร์โปรแกรมเมอร์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตและบริษัทโฆษณาระดับโลก ผู้เกิดและเติบโตที่อเมริกา ได้ผุดไอเดียสร้างเว็บไซต์สำหรับขายงานฝีมือและงานศิลปะขึ้น ด้วยเล็งเห็นว่าในเมืองไทยยังไม่มีเว็บไซต์เฉพาะสำหรับกลุ่มคนทำงานฝีมือเหล่านี้โดยเฉพาะ ทั้งๆ ที่งานฝีมือและงานศิลปะของคนไทยมีจุดเด่น เอกลักษณ์ และมีคุณภาพดีไม่แพ้งานของชาติอื่นเลย จึงเป็นที่น่าเสียดายหากขาดพื้นที่สำหรับขายและประชาสัมพันธ์งานเหล่านั้น ไอเดียสร้างเว็บไซต์นี้จึงเกิดขึ้น เมื่อเขาย้ายกลับมาลงหลักปักฐานที่เมืองไทย และพบกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกัน Blisby.com จึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เสริมพลังนักศิลปะมือเก๋าและมือใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกคนสามารถเปิดร้านได้ หลังจากทุ่มเทเวลากว่าครึ่งปี Blisby.com ก็พร้อมให้บริการ ผู้รักงานฝีมือและศิลปินมากมายก็ทยอยเปิดร้าน ซึ่งมีทั้งผู้ทำงานฝีมือและศิลปะเป็นอาชีพและผู้ที่ทำเป็นงานอดิเรกหารายได้เสริม โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างคนกลุ่มนี้คือทักษะการนำเสนอ ทั้งการถ่ายรูป การเขียนข้อความต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ซึ่งกลุ่มคนที่ทำงานฝีมือและศิลปะเป็นอาชีพมักมีทักษะการนำเสนอที่ดีกว่า เช่น ถ่ายรูปสวยกว่า บรรยายสินค้าได้น่าสนใจกว่า ในขณะที่มือสมัครเล่นอาจจะมีทักษะทางด้านนี้น้อยกว่า แต่กระนั้น หากพิจารณาดูจริงๆ จะพบว่าสัดส่วนจำนวนของกลุ่มมือสมัครเล่นที่มีใจรักแต่ฝีมืออาจจะยังพัฒนาไม่เข้าขั้นกลับมีจำนวนเยอะกว่ามาก Blisby.com มองเห็นความแตกต่างของสัดส่วนจำนวนดังกล่าวและเห็นความสำคัญของบุคคลทั้งสองกลุ่ม จึงได้พยายามพัฒนาทักษะสำคัญที่จำเป็นต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการมือใหม่ โดยการเสริมความรู้ผ่านทาง Blog ซึ่งได้รวบรวมบทความด้านต่างๆ ไว้หลายหมวดหมู่ด้วยกัน ทั้งการเสริมความรู้ด้านงานฝีมือ งาน DIY บทสัมภาษณ์ศิลปินหลายๆ ท่าน และเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยเสริมความรู้รอบด้าน และช่วยสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้ผู้ทำงานฝีมือและงานศิลปะให้กล้านำงานของตนของมาโชว์หรือจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ การที่ Blisby.com จัดหาบทความเพื่อเสริมความรู้และทักษะให้กับผู้ประกอบการนอกเหนือไปจากการเปิดพื้นที่สำหรับขายของ ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญมากจุดหนึ่งของธุรกิจ กล่าวคือ การเปิดพื้นที่สำหรับการค้าขาย e-commerce ในยุคนี้สามารถทำได้ไม่ยากมากเท่าไหร่ เพียงแค่มีความรู้ด้านการเขียนเว็บไซต์และการออกแบบก็สามารถทำได้ แต่จุดที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราแตกต่างจากเว็บไซต์ขายของอื่นๆ และเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราคือสิ่งสำคัญกว่า สำหรับ Blisby.com อาจจะมองว่าลูกค้ากลุ่มที่เป็นมือสมัครเล่นมีจำนวนมากกว่า และการส่งเสริมคนกลุ่มนี้เป็นจุดสำคัญเพื่อให้พวกเขาสามารถเปิดร้านที่น่าสนใจขึ้นมาแข่งกับเจ้าของร้านอื่นๆ ได้ จึงได้เน้นความสำคัญไปที่การทำบทความให้ความรู้และแรงบันดาลใจ ซึ่งเมื่อลองพิจารณาแล้วเว็บ E-commerce อื่นๆ อาจจะไม่ได้เน้นในจุดนี้มากเท่าไหร่นัก Social Media จุดอ่อนที่เป็นจุดแข็งในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันโซเชียลมีเดียต่างๆ มีบทบาทมากมาย ทั้งยังใช้งานง่ายและฟรีอีกด้วย อาจทำให้เกิดคำถามได้ว่า “ใช้โซเชียลมีเดียไม่ดีกว่าเหรอ ฟรีด้วย” ข้อนี้ถือเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งในเวลาเดียวกัน จริงอยู่ว่าโซเชียลมีเดียอย่าง facebook เข้าถึงคนได้มากและฟรี แต่ผู้ประกอบการก็ต้องคำนึงด้วยว่าจะต้องทำอย่างไรให้ผู้คนรู้จักเรา เจอ facebook ของเราได้อย่างไร วิธีง่ายๆ ที่ facebook พยายามเสนอให้เลยก็คือการลงโฆษณากับ facebook เพื่อเพิ่มยอดคนกด Like แต่การลงโฆษณาก็ได้ไม่การันตีว่าจะพบกลุ่มคนที่รักและหลงใหลงานประเภทเดียวกัน เราอาจได้ยอด Llike เพิ่ม แต่นั้นอาจไม่ใช้ลูกค้าผู้ที่ต้องการซื้อของของเราจริงๆ Blisby.com จึงพยายามเป็นสื่อกลางให้คนที่ชอบทำงานฝีมือและศิลปะมาพบเจอกับผู้ซื้อที่ชอบงานฝีมือและงานศิลปะเหล่านี้จริงๆ โดยทั้งสองฝ่ายก็ไม่ต้องควานหากันเองในโลกโซเชียลอันกว้างใหญ่ ทั้งนี้ Blisby.com ก็ยังพยายามเป็น Community ของเหล่าผู้หลงใหลงานฝีมือ งาน DIY และงานศิลปะ โดยเสริมสร้างความรู้ เทคนิค และแรงบันดาลใจผ่านบทความบน Blog ด้วยหวังสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจงานฝีมือและศิลปะมากขึ้น โดยไม่จำเป็นว่าต้องทำขายอย่างเดียว จะทำใช้เองหรือทำเพื่อเป็นของขวัญให้คนสำคัญก็ได้ เพราะงานฝีมือมีค่ามากกว่าที่เห็น ทั้งนี้ การที่ Blisby เน้นไปยังการสร้าง Community ของกลุ่มคนรักงานฝีมือบนเว็บไซต์ของตนเองก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถละทิ้ง Social Media ไปได้ ในยุคนี้ต้องยอมรับว่าผู้คนจำนวนมากใช้เวลาอยู่บน Social Media กันมากในแต่ละวัน ดังนั้น Blisby จึงยังต้องใช้ facebook และ google plus เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับเหล่าศิลปินและผู้รักงานฝีมือ โดยเป้าหมายท้ายที่สุดของ Blisby มิใช่การรวมกลุ่มคนบน Social Media แต่เพื่อเป็นการสื่่อสารและดึงดูดให้ผู้คนมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าเว็บไซต์มากกว่า Revenue model ช่องทางการเก็บเงินที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า Blisby.com คิดค่าบริการเปิดร้านค้าเป็นรายเดือน โดยจะมีแพ็กเกจให้เลือก 3 ขนาดคือ ใหญ่ กลาง และเล็ก โดยแต่ละขนาดจะมีขนาดพื้นที่ให้ลงสินค้าได้แตกต่างกันไป ผู้ขายสามารถเปิดและจัดการร้านค้าได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย เพราะทางทีมงานได้ออกแบบให้เว็บไซต์สวยงามสบายตาและใช้งานได้ง่าย การแบ่งขนาดแพ็กเกจให้มีหลากหลายเป็นจุดสำคัญของ Blisby ทั้งนี้ถ้าหากพิจารณาถึงข้อแรกสุด กลุ่มคนใหญ่ที่สุดของชุมชน Blisby น่าจะเป็นนักประดิษฐ์งานฝีมือหน้าใหม่ คนกลุ่มนี้น่าจะยังผลิตผลงานได้ไม่มากนัก และการทดลองลงขายสินค้าจำนวนไม่มากก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนกลุ่มนี้ และเมื่อพัฒนาฝีมือได้ดีขึ้นและสามารถผลิตชิ้นงานในจำนวนมากขึ้นหรือหลากหลายมากขึ้น ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ ให้ลองเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองได้ ก้าวต่อไป Blisby.com จะพัฒนาให้ตัวเองกลายเป็นเว็บไซต์ตลาดสำหรับงานฝีมือและงานศิลปินที่ใหญ่ที่สุดของไทย และหวังจะสร้าง community ของผู้หลงใหลงานฝีมือและศิลปะของไทย เพื่อส่งเสริมให้คนเหล่านั้นก้าวออกมาเป็นผู้ประกอบการด้วยการทำงานฝีมือและงานศิลปะสิ่งที่รัก และสามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยงานที่หลงใหลซึ่งช่วยเติมเต็มจิตใจได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่าธุรกิจ E-commerce นั้นได้พัฒนาขึ้นอย่างเรื่อยๆ หากคุณผู้อ่านสนใจและยังไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ลองใช้บริการของบริษัท รับทำเว็บไซต์ กันดูไหมครับ รับรองว่าคุณจะได้เว็บที่สวยถูกใจอย่างแน่นอน ที่มา : incquity.com