24 Jun June 24, 2015 by atcreative in Blog, e-Commerce News บริษัทธุรกิจค้าปลีกยอมจ่ายเงินกว่าหลายล้านดอลลาร์ทุกๆปีเพื่อเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเก่าที่กลับมาซื้อซ้ำ บริษัทเหล่านี้ได้ใช้โปรแกรมสร้างความภักดีกับลูกค้า (loyalty programs) แคมเปญพิเศษ และ ส่วนลดรายบุคคล ซึ่งทั้งหมดมีพิ้นฐานมากจากคุณค่าในช่วงชีวิตของการเป็นลูกค้า (customer’s lifetime value) โปรแกรมเหล่านี้ได้รับความสำเร็จอย่างสมเหตุสมผล บริษัทธุรกิจค้าปลีกยอมจ่ายเงินกว่าหลายล้านดอลลาร์ทุกๆปีเพื่อเพิ่มยอดขายจากลูกค้าเก่าที่กลับมาซื้อซ้ำ บริษัทเหล่านี้ได้ใช้โปรแกรมสร้างความภักดีกับลูกค้า (loyalty programs) แคมเปญพิเศษ และ ส่วนลดรายบุคคล ซึ่งทั้งหมดมีพิ้นฐานมากจากคุณค่าในช่วงชีวิตของการเป็นลูกค้า (customer’s lifetime value) โปรแกรมเหล่านี้ได้รับความสำเร็จอย่างสมเหตุสมผล แต่มีวิธีอื่นที่จะเพิ่มยอดขายจากลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ ซึ่งมีดังต่อไปนี้ 1. เข้าใจถึงของจุดประสงค์ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่กลับมา ผู้ที่กลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์นั้นเชื่อมโยงกับข้อมูลจำนวนมาก –ประวัติส่วนตัว และ ความชื่นชอบ การสืบค้นข้อมูล และประวัติซื้อของออนไลน์ และกิจกรรมที่ทำปัจจุบันบนเว็บไซต์ เวลาที่ใช้บนเว็บไซต์ครั้งที่แล้ว และเว็บไซต์ต้นทางที่ทำให้เขาเข้ามาเยี่ยมชม อุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าเว็บไซต์ ระยะห่างของเวลาที่เขาเยี่ยมชม ตำแหน่งที่ตั้งของเขา และ กิจกรรมบน Social Network ของเขา ข้อมูลเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงเพื่อทำความเข้าใจถึงจุดประสงค์ของการเยี่ยมชม ข้อมูลเหล่านี้เองสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ กระบวนการนำเสนอเนื้อหาหรือบริการและสินค้า โดยพิจารณาจากลักษณะพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ (Personalization) และเพิ่มยอดขาย ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ หรือ ประเภทสินค้า กำลังมองหาเพื่อซื้อสินค้าที่แน่นอนในทางตรงกันข้าม ลูกค้าที่หาสินค้าที่ลดราคา ลูกค้ากลุ่มนี้กำลังมองหาโปรโมชั่นที่คุ้มค่า ความชื่นชอบของผู้เยี่ยมชมและ ประวัติการซื้อของออนไลน์สามารถนำไปออกแบบประสบการณ์ให้กับลูกค้ารายคน และเลือกPromotion ที่อยู่ในสินค้าที่เข้าเป็นกลุ่มเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขาย MarketLive, ผู้ให้บริการแพลทฟอร์ม, สามารถนำเสนอสินค้าและบริการจากข้อมูลรายบุคคลได้ ยกตัวอย่าง 3dcart, ผู้บริการให้เช่าพื้นที่เว็บไซต์ขายของออนไลน์, ส่งมอบ promotion แบบreal-time ผ่านแพลทฟอร์มของทางร้านที่ชื่อว่า” 3dupsell “platform MarketLive, ผู้ให้บริการแพลทฟอร์มซึ่งสามารถนำเอาเว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์มาสร้างประสบการณ์ให้เข้ากับลูกค้าเป็นรายบุคคล 2.ใช้สินค้าเป็นเครื่องมือในการนำลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์ของคุณ ผู้ขายสามารถสร้างกลยุทธ์ทางผลิตภัณฑ์เพื่อดึงลูกค้าเก่ากลับมายังเวปไซต์ ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับออกผลิตภัณฑ์ในวันพิเศษของเดือนนั้นๆ สร้างเหตุการณ์ที่จะนำลูกค้าเก่ากลับมา นอกเหนือจากนี้ผู็ขายบางรายอาจมีของแถมเพิ่มให้ในตัวผลิตภัฑฑ์ที่ลูกค้าซื้อ ของแถมเหล่านี้อาจเป็นส่วนลดให้สินค้าเดิมหรือเป็นของแถมที่ให้ฟรี เพราะเป้าหมายหลักคือการดึงลูกค้าเก่ากลับมา และดึงดูดเขาด้วยสินค้า และ โปรโมชันที่เหมาะกับตัวเขาโดยเฉพาะ หลายๆเว็บที่เสนอขายสินค้าราคาลดแบบสุดๆ เฉพาะช่วงเวลาสั้นๆ(Flash Sales Sites) อย่างYoox.com, MyHabit, และGilt ต่างก็ใช้กลยุทธ์เหล่านี้เพื่อดึงลูกค้าเก่ากลับมา 3. สร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยบบทสนทนา เครื่องมือทุกตัวและการวิเคราะห์ไม่ได้มีประสิทธิภาพแค่การสร้างความผูกพันธ์กับลูกค้าผ่านบทสนทนาง่ายๆเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาผ่านทางเว็บไซต์หรือบนกระทู้สาธารณะ เช่น social network มันไม่สำคัญหรอกที่การสนทนาจะช่วยให้เราเรียนรู้ลูกค้ามากขึ้น ความชอบและไม่ชอบเขา ผู้ค้าปลีกหลายรายทำการสำรวจทั้งบนเว็บไซต์ของเขาและนอกเหนือเว็บไซต์ ฟังค์ชั่นการสนทนาสดเป็นสิ่งจำเป็น — มันควรถามผู้เยี่ยมชมโดยอัตโนมัติหากเขาต้องการความช่วยเหลือ หากพวกเขาใช้เวลาในเพจมากเกินไป หรือ พวกเขากำลังสุ่มค้นหาเว็บไซต์ เบอร์โทรและอีเมลของศูนย์ให้บริการลูกค้าควรเข้าถึงง่านจากทั้งช่องทางเว็บไซต์และทางมือถือ บทสนทนาทั้งหมดจะนำไปสู่การสร้างบริการที่เหมาะกับผู้บริโภครายบุคคลซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขาย 4.เสนอราคาที่เหมาะสมและราคาที่สามารถต่อรองได้ หากคุณกำลังขายสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค ผู้ซื้อจะชอบเข้าเวปไซต์ของคุณเพื่อเปรียบเทียบราคา การเยี่ยมชมเหล่านี้ยิ่งส่งเสริมให้เห็นว่าผู้ซื้อชื่นชอบในเว็บไซต์ของคุณแต่มีความอ่อนไหวต่อราคา ในกรณีนี้ ควรการค้นหาราคาที่เหมาะสมไปเข้ากับฟังค์ชั่นการใช้งานเพื่อเอาชนะร้านค้าปลีกรายอื่นๆ ส่วนหนึ่งของการพัฒนา Conversion rate , การค้นหาราคาที่เหมาะสมจะช่วยตอบคำถามที่ว่า “ใครราคาถูกที่สุด” บางเว็บไซต์การันตีว่าลูกค้าจะได้ราคาที่ถูกที่สุดหลังจากการซื้อถึง 30 วัน สิ่งนี้เองช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าพวกเขาได้ราคาที่ดีที่สุด พวกเขาสามารกเปลี่ยนไปเป็นลูกค้าที่กลีบมาซื้อซ้ำโดยการเสนอบริการอื่นๆ เช่น ข้อมูลสินค้าในเชิงลึก และ คำแนะนำจากผู้บริโภคคนอื่นๆ (Review) ทางเลือกที่มากขึ้นและ Promotion ส่วนบุคคล และการเติมเต็มและขนส่งที่รวดเร็ว เว็บไซต์มากมายนำเสนอราคาที่สามารถต่อรองได้ ตัวอย่างเช่น Greentoe, ผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์อิเล็คทรอนิคส์, เสนอให้ผู้บริโภคเสนอราคาของเขาโดยเปรีนบเทียบกับราคาตลาด โมเดลนี่สร้างการรับรู้ในการนำเสนอข้อเสนอ ที่ไม่ได้มีตลอดเวลา และ นำไปสู่การสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า ผู้ค้าบางรายเสนอราคาที่ต่อรองได้กับการซื้อในปริมาณมาก (แข่งกับการเสนอ Promotion เมื่อซื้อในปริมาณมาก)เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อในปริมาณมากกว่าเดิม 5. สร้าง Applivstionให้แก่ตลาดสินค้า(Marketplace)ของคุณ อีกทางเลือกหนึ่งซึ่งกำลังได้รับความนิยมคือสร้าง Application ของหน้าร้านที่เชื่อมโยงกับสินค้าของร้านค้าปลีก และ แพลทฟอร์ม (Platform) วิธีการนี้จะช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจให่แก่ผลิตภัณฑ์ของคุณผ่าน Application Programming Interfaces(API)[API คือเป็นตัวกลางที่ทำให้โปรแกรมประยุกต์เชื่อมต่อกับโปรแกรมประยุกต์อื่น หรือเชื่ิอมการทำงานเข้ากับระบบปฏิบัติการ: ผู้แปล] ที่เชื่อมโยงไปยังบริษัทตัวกลางที่จะสร้าง Application ใหม่และนำเสนอมันเพื่อเพิ่มยอดขาย ในฐานนะเจ้าของ API ของผลิตภัณฑ์ ผู้ค้าปลีกจะได้รับส่วนแบ่งจากทุกๆการขายผ่าน App แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น มันเป็นสิ่งผลักดันให้ลูกค้าเก่ายังคงกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ เพื่อดูApps ใหม่ และเพิ่มทางเลือกให้กับการซื้อเดิมๆของพวกเขา iPhone และ Android สามารถทำได้อย่างประสบความสำเร็จ Google Glass ก็เช่นเดียวกัน ผู้ผลิตเกมส์ออนไลน์บางรายก็สนใจทางเลือกนี้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ควรสนใจคือเวลาและทรัพยากรที่จะสร้าง API ที่ง่ายต่อการใช้งาน และจัดหาระบบสนับสนุนตามคำเรียกร้องของผู้ใช้ เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ที่เจริญก้าวหน้าให้บริษัทตัวกลางผู้พัฒนา Application หากใครคิดว่าบทความนี้สามารถที่จะดึงลูกค้าเก่ากลับมาซื้อของที่ร้านเราได้อีก แล้วธุรกิจของท่านยังไม่มีร้านหน้าบนเว็บไซต์หรือว่าเว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์ ซึ่งตอนนี้ทางเรามีบริการรับทำเว็บไซต์ขายสินค้า ให้คุณได้มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองแล้วและอาจจะนำ 5 วิธีนี้ไปปฎิบัติกับร้านของคุณได้เอง ที่มา : www.marketingbyte.com