Facebook ประกาศคุณสมบัติใหม่ ส่งเงินได้ผ่านแอป Messenger (เฉพาะในอเมริกา)

19
Mar

ทําเว็บ e-commerce

ดูเหมือนว่า Facebook จะเริ่มหาอะไรมารองรับการปั้น Commerce ของตัวเองอีกครั้ง หลังจากซื้อ TheFind ไป ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเพิ่มที่น่าสนใจ โดยเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้สามารถจ่ายเงินได้ง่ายผ่านแอปแชท Messenger เลย ซึ่งเป็นการเปิดให้บริการเบื้องต้นในสหรัฐฯ ครับ

ภายในแอปจะมีปุ่ม $ เพื่อที่จะให้ผู้ที่ต้องการส่งเงินสามารถเลือกส่งให้ได้ โดยผู้ส่งเพียงระบุจำนวนเงินที่ต้องการจะส่งให้ปลายทาง จากนั้นก็ระบุบัตรเดบิตของเจ้าของเงินแล้วกดส่ง ส่วนผู้รับก็เพียงแค่เปิดเข้ามาดูข้อความ แล้วเพิ่มบัตรเดบิตเพื่อรับเงิน จากนั้นก็รอรับเงินได้เลย โดยาง Facebook บอกว่าจะมีการ clearing รายการที่ทำมาและเงินจะเข้าภายใน 1-3 วันทำการ ซึ่งขึ้นอยู่กับธนาคารที่เป็นเจ้าของบัตรใบนั้นๆ ซึ่งจะต้องเป็นบัตร Visa หรือ Mastercard ที่เป็นเดบิต และออกโดยธนาคารในสหรัฐเท่านั้น

Facebook บอกด้วยว่าบริการนี้ฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียม

ด้านความปลอดภัยที่ทุกคนกังวล ทาง Facebook อ้างด้วยการใช้ตัวเลขของเม็ดเงินที่เกิดขึ้นในการลงโฆษณาและเหล่านักเล่นเกมที่จ่ายเงินผ่าน Facebook ที่มีมากกว่า พันล้านรายการในแต่ละวัน ว่าทุกรายการมีความปลอดภัย ดังนั้นการส่งเงินบน Messenger ก็จะใช้วิธีเดียวกันในการดูแลและจัดการ

และในการส่งจะมีการให้ระบุ PIN เพื่อการส่งเงิน รวมถึงการใช้ Touch ID สำหรับอุปกรณ์ iOS ได้ด้วยเพื่อความปลอดภัย

การใช้งานสามารถใช้ได้ในสหรัฐฯ เท่านั้น และจะเปิดใช้เต็มรูปแบบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า (coming months น่าจะไม่เกิน 4-6 เดิอน)

สิ่งที่น่าสนใจอย่างที่เกริ่นไปในตอนแรกก็คือ การกระโดดลงมาสร้าง ecosystem ที่น่าจะเอามารองรับสิ่งที่ตัวเองจะทำในอนาคตนั่นก็คือเรื่อง commerce ซึ่งการทำ payment ของตัวเองก็ทำให้ดูน่าสนใจและดูมั่นใจมากขึ้น ด้วยการเลือกใช้เดบิตแทนเครดิต ด้วยการการันตีว่าต้องมีเงินก่อนจ่ายอย่างแน่นอนก่อนจะส่งต่อไปให้อีกคน และการที่เปิดให้ฟรีมันก็ดูเหมือนกับการเปิด Facebook ในตอนแรกที่สุดท้ายก็มาบีบให้จ่ายเงิน ซึ่งผมว่าโมเดลก็คงไม่แปลกไปจากนี้แน่ๆ

 

จะเห็นได้ว่าธุรกิจ ทำเว็บไซต์ ecommerce  นั้นเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ หากคุณผู้อ่านท่านไหนสนใจแต่ยังไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ลองใช้บริการบริษัท รับทำเว็บไซต์ กันดูไหมครับ รับรองว่าคุณจะได้เว็บสวยถูกใจอย่างแน่นอน

ที่มา: Facebook Newsroom