ออนไลน์ไปต่อ! Central ทุ่ม 250 ล้าน เปลี่ยนโฉม website ใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ My Central is Now

ออนไลน์ไปต่อ! Central ทุ่ม 250 ล้าน เปลี่ยนโฉม website ใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ My Central is Now
29
Aug

แม้จะมีการร่วมมือกับทาง JD.com ในการทำช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านทาง เว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์ แล้ว แต่นั่นคือการแยกทีมกันทำกับทีมเว็บไซต์ Central.co.th และนี่คือการพลิกโฉมการ ทำเว็บไซต์ e-commerce อีกครั้งเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่านักช้อปทาง เว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์ จะสามารถเลือกซื้อสินค้าภายในห้างได้ แม้ไม่ได้เดินทางมาที่สาขา โดยอัดงบกว่า 250 ล้านบาท ตั้งเป้าโต 150% ภายในปี 2019 นี้

ปั้นสู่ออมนิแชนแนลเต็มตัว

ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า พฤติกรรมของประชากรบนโลกออนไลน์ปลี่ยนไป คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 80% โดยพฤติกรรมที่คนชอบใช้งานหลักคือการช้อปปิ้ง นั่นทำให้ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวมากถึง 14% และคาดว่าสิ้นปี 2019 จะเพิ่มขึ้นกว่า 20%

ดังนั้น เซ็นทรัลจึงต้องการที่จะผสมผสานโลกออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นออมนิแชนแนลห้างสรรพสินค้าไทยผ่าน 3 แกนหลักสำคัญคือ

  • Choice is Now ที่นี่มีแต่แบรนด์ที่ใช่
  • Fast is Now ส่งเร็วภายในหนึ่งวัน (เฉพาะกรุงเทพ)
  • Trust is Now การันตีสินค้าคุณภาพ

อย่างไรก็ตาม จากการผสมผสานโซเชียลมีเดียกับหน้าร้านพบว่า ช่วยสร้างยอดขายได้ถึง 250 ล้านบาทในปี 2018 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 111% ทำให้ในปี 2019 คาดว่าจะทำยอดขายแตะ 500 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 100% โดยเว็บไซต์ central.co.th คือแกนหลักสำคัญของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2014 และการปรับโฉมครั้งนี้ นอกจากตอบสนองพฤติกรรมการช้อปปิ้งทาง เว็บไซต์ ขาย สินค้า ออนไลน์ ที่เปลี่ยนไปแล้ว ยังเปรียบเสมือนยกห้างมาไว้บนหน้าจอ

ทางด้านของ สเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายออนไลน์การ ทำเว็บไซต์ ขายของ และออมนิแชนแนล ซีอาร์เอ็ม บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บริโภครุ่นใหม่มองหาสิ่งที่ชื่นชอบผ่านแบรนด์ที่ชื่นชม โดยไม่ต้องการที่จะรอสินค้านาน ทำให้การใช้งบ 250 ล้านบาทนั้น แบ่งการลงทุนเป็น 55% ในส่วนของการพัฒนาแพลตฟอร์มและอีก 45% เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาด

หากแตกย่อยในเรื่องงบที่จะใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพิ่มเติม จะแบ่งเป็นช่องทางดิจิทัล บีทีเอส สื่อภายในห้างสรรพสินค้า จุดซีอาร์เอ็ม VDO ออนไลน์ อินฟูลเอนเซอร์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การผลักดันทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะทำให้ในสิ้นปี 2019 จะมียอดจำหน่ายกว่า 1,500 ล้านบาท หรือเติบโต 150% จากปีก่อน และในปี 2023 ออนไลน์จะเติบโตและสร้างยอดขายได้เป็น 15% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท

นอกจากนี้ การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ย่อมมีคู่แข่งในตลาดมากมาย แต่เรามั่นใจว่าเรามีความเป็นออมนิแชนแนล โดยลูกค้าสามารถไปรับสินค้าตามสาขาที่มีกว่า 77 แห่งของไทยเอง และจุดแข็งของเราที่คู่แข่งไม่มีคือ ความเป็นแบรนด์ ลูกค้าที่ต้องการสินค้าแบรนด์เชื่อมั่นด้านคุณภาพและราคาได้

ส่วนเจดีเซ็นทรัลเป็นอีกหน่ึงธุรกิจของกรุ๊ป แต่เราโฟกัสกันที่คนละกลุ่มลูกค้า กลยุทธ์ที่เราจะทำอันนี้เป็นเรื่องของการเข้าถึงสาขาของลูกค้ามากกว่า

ส่วนเรื่องของทีมขนส่งตอนนี้ใช้บริการเธิร์ดปาร์ตี้ ทั้งบริการ Click&Collect ในการกระจายส่งไปที่สาขาของเซ็นทรัล โรบินสัน หรือแฟมิลี่มาร์ทตามที่ลูกค้าระบุ ซึ่งมีกว่า 70 จุดทั่วประเทศ รวมทั้งการจัดส่งที่บ้าน เพื่อการเข้าถึงจุดรับที่ทั่วถึงกว่า ด้วยการการันตีว่าจะจัดส่งให้ได้ภายใน 1 วันสำหรับพื้นที่กรุงเทพ หรือ 2-3 วัน เพื่อการส่งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการทำโปรโมชั่นพิเศษกระตุ้นการใช้จ่ายตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดสินค้าสูงสุด 70% แบรนด์ ออฟอะเดย์ในแต่ละวัน รับส่วนลด 200 บาทเมื่อช้อป 1,200 บาทและลดเพิ่มอีก 12% เมื่อช้อปผ่านบัตรเซ็นทรัลการ์ด ซึ่งการทำทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดการใช้จ่ายผ่านเว็บไซต์ของเราอย่างแน่นอน

ที่มา : https://www.thumbsup.in.th