เลือกใช้อะไรดีระหว่าง 2 e-Wallet กับ e-Payment

31
Oct

ATMCash-digital-wallet-614x318

ระบบชำระเงินถือเป็นความสะดวกสบายอันดับต้นๆ ซึ่งทำให้ร้านค้าออนไลน์เป็นร้านที่ปลอดภัยสามารถให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าและมีโอกาสขายสินค้าได้มากกว่าร้านค้าที่ไม่มีระบบ เพราะมีมาตรฐานความปลอดภัยและมีการตรวจสอบความเสี่ยง ได้รับความนิยมขยายฐานผู้ซื้อจากกลุ่มเดิมไปยังกลุ่มใหม่ หรือกลุ่มที่ไม่มีบัตรเครดิตกลายเป็นช่องทางการซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็ว

e-Wallet ระบบชำระเงิน Micro payment ขยายตลาดสู่นักช้อปออนไลน์ทั่วโลก

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เปิดร้านค่าออนไลน์ ระบบ e-Wallet หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความน่าเชื่อถือและสะดวกปลอดภัย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของระบบชำระเงินที่ช่วยตอบโจทย์ได้

สมหวัง เหลืองไพบูลย์ศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพย์สบาย จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันรูปแบบของการชำระเงินมีความหลากหลาย ร้านค้ามีทางเลือกในการรับชำระเงินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชำระด้วย Payment Gateway ผ่านบัตรเครดิต หรือระบบ e-Wallet ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นรองจากระบบชำระด้วยบัตรเครดิต

จากผลสำรวจของ Paypal ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2008 ระบุว่า ระบบการชำระเงินที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ได้แก่ 1.บัตรเครดิต 50% 2.Paypal 24% โดยประเทศที่นิยมใช้บริการคือ อเมริกา ยุโรป อังกฤษ อันดับ 3. การโอนเงิน 13% และ 4. บัตรเดบิต 7% โดย 1 ใน 3 ของคนซื้อสินค่าบนอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่เลือกใช้ระบบการชำระเงินของ Paypal แนวโน้มของระบบชำระเงินในอนาคตนั้นอาจจะไม่ต้องพึ่งพาบัตรเครดิตเพียงอย่างเดียว สามารถใช้ช่องทางการชำระเงินในรูปแบบ e-Wallet เพราะการสมัครใช้งานไม่ยุ่งยากเหมาะสำหรับการทำธุรกรรมขนาดย่อยๆ หรือ Micro payment

จับมือ Paypal เพิ่มช่องทางชำระเงิน

สมหวังกล่าวอีกว่า เพื่อเพิ่มช่องทางการชำระเงินให้กับร้านค้าและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเพล์สบาย จึงมีการประกาศความร่วมมือกับ Paypal เพื่อแสดงให้เห็นว่ามาตรฐานการให้บริการของบรษัทไทยอย่าง เพล์สบายเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ปัจจุบัน 80-90% มีการชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต ทำให้คนที่ไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลบัตรเครดิต ไม่ต้องการใช้บริการ อี-คอมเมิรซ์ ส่งผลให้ตลาดไม่เติบโตเท่าที่ควรจึงขยายการชำระเงินด้วยการร่วมมือกับ Paypal ซึ่งจะทำให้ลูกค่าสามารถซื้อขายสินค่าออนไลน์ไดง่ายขึ้น โดยไม่ต้องผ่านบัตรเครดิต

ผู้ซื้อผู้ขายที่มีบัญชีธนาคารหลากหลายทำธุรกรรมได้เพียงจุดเดียว

สำหรับเพย์สบายให้บริการระบบชำระเงินผ่านทาง Paysbuy.com ในรูปแบบ e-Wallet โดยสามารถรับชำระเงินได้ด้วยรูปแบบการโอนเงินจากกระเป๋าสู่กระเป๋า (Wallet-to-Wallet) และการชำระผ่านบัตรเครดิตโดยตรง (Paysbuy Direct)

จะเลือกใช้ e-Wallet หรือ Payment Gateway

จากการสัมผัสร้านค้าส่วนใหญ่พบว่าร้านค้ามักจะมองเรื่องของต้นทุนเป็นหลักและมองเรื่องของความปลอดภัยเป็นรอง ทั้งนี้การใช้ e-Wallet จะเหมาะกับการทำธุรกรรมที่มีมูลค้าไม่สูงมาก อาจจะเป็นหลักร้อยถึงหลักหมื่น แต่หากเป็นหลักแสนอาจต้องใช้ระบบ Payment Gateway เนื่องจากค่าธรรมเนียมถูกกว่า ซึ่งร้านค้าสามารถเลือกใช้ระบบใดระบบหนึ่ง หรือใช้ทั้งสองระบบก็ได้

e-Payment คนกลางระหว่างร้านค้าย่อยกับธนาคารเพื่อปกป้องลูกค้าบัตรเครดิต

หากคุณมีร้านค้าออนไลน์ การเลือกชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์มาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อ ไทยอีเพย์ ถือเป็นบริษัทแรกๆ ของไทยในการเปิดให้บริการระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์

ไทยเพย์ได้สะสมประสบการณ์ด้านการให้บริการระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์ เป็นเวลากว่า 5 ปี ปัจจุบันร้านค้าออนไลน์ได้ใช้บริการระบบชำระเงินออนไลน์ของไทยเพย์มากกว่า 1000 ร้านค้า และมีการทำธุรกรรมชำระเงินผ่านระบบมากกว่า 10 ล้านบาท ต่อเดือน

เป็นตัวกลางสำหรับร้านค่าย่อย

ไทยเพย์เป็นระบบที่สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยไม่ต้องไปทำการติดต่อกับธนาคารโดยตรง ไทยเพย์จะเป็นตัวกลางในการติดต่อให้และทำการเชื่อมต่อระบบให้กับร้านค้าทันทีเมื่อมีการอนุมัติให้ใช้บริการ

ระบบความปลอดภัยด้านหลังบ้าน

ระบบของไทยอีเพย์สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงในการทำธุรกรรมเพื่อช่วยให้ร้านค้าปลอดภัยจากมิจฉาชีพ เช่น ระบบการแจ้งเตือนการทำธุรกรรมโดยแบ่งเป็นสี เขียว ส้ม และแดง คล้ายกับระบบ Fraud Warning ของธนาคาร ระบบของไทยเพย์ ผู้ซื้อต้องให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่ม เช่น ชื่อธนาคารผู้ออกบัตร และที่อยู่ของผู้ถือบัตรในกรณีที่เป็นการชำระผ่านบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส เพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของบัตรจริง

โดยการจับคู่ของข้อมูลต่างๆ เช่น การจับคู่ข้อมูลระหว่าง IP Address กับประเทศที่ออกบัตร การกรอกชื่อธนาคารผู้ออกบัตรตรงกันหรือไม่รวมถีงที่อยู่ของผู้ถือบัตรถูกต้องหรือไม่

ข้อตกลงร่วมกันในการเปิดระบบ

หากร้านค้าออนไลน์ต้องการเปิดใช้ระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์ จะต้องได้รับการยินยอม ทั้ง 3 ฝ่าย คือ ร้านค้า ไทยอีเพย์ และธนาคารกสิกรไทยซึ่งร้านค้าต้องอ่านเงื่อนไขข้อตกลง ในการเปิดใช้บริการก่อนถึงจะส่งเอกสารดำเนินการเพื่อขอเปิดใช้บริการได้

ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการป้องกันจากการถูก Charge Back ควรเก็บเอกสารระหว่างการติดต่อซื้อขายไว้ทุกอย่าง โดยสิ่งที่ร้านค้าที่เป็นธุรกิจการขายสินค้าต้องเก็บคือ อีเม็ลยืนยันการส่งสินค้า การรับเงิน และการจัดส่งสินค้าส่วนสิ่งที่ร้านที่ทำธุรกิจด้านบริการ เช่น โรงแรม ต้องเก็บคือ หลักฐานการจ่ายเงิน หรือเอกสารการเซ็นชื่อในการเข้าไปใช้บริการ

ปกป้องลูกค้าออนไลน์

ผู้ถือบัตรเครดิตที่ทำการชำระเงินผ่านร้านค้าออนไลน์ที่ใช้บริการของไทยอีเพย์มั่นใจได้ว่า หมายเลขบัตรเครดิตจะไม่ปรากฎในหน้าจอระบบข้องร้านค้า จะมีเพียงข้อมูล IP Address และ Card Issue ปรากฏเพื่อให้ร้านค้าสามารถตรวจสอบข้อมูล

นอกจากนี้ หากผู้ถือบัตรเครดิตตรวจสอบรายการซื้อสินค้าใน Statement ที่ธนาคารออกบัตรส่งมาแจ้งยอดพบว่ามีรายการชำระสินค้าผ่านร้านค้าที่ใช้บริการไทยเพย์

“ร้านค้าออนไลน์ที่มาเปิดใช้บริการไทยอีเพย์นั้น ต้องบริหารจัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยตัวเองในการซื้อขายสินค้ากับผู้ซื้อ ไทยอีเพย์เพียงสร้างเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์และเชื่อมต่อช่องทางชำระเงินให้เท่านั้น ดังนั้น ร้านค้าควรเก็บเอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทุกอย่างระหว่างร้านค่าและผู้ซื้อให้ครบ เพื่อสามารถนำมาชี้แจงเมื่อเกิดกรณีถูกร้องเรียนจากผู้ซื้อ ไม่ว่าจะจากกรณีใดๆ ได้”